Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

10 สถิติทางการตลาดที่น่าตกใจสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

1. อะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์?
แพลตฟอร์มที่ธุรกิจสตาร์ทอัพใช้งานมากที่สุดในการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์คือการตลาดบนโซเชียลมีเดีย การตลาดผ่านอีเมลมาเป็นอันดับสอง หลังจากที่ลดลง 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รองลงมาลำดับสามและสี่คือการตลาดเนื้อหาและ Paid Media หรือสื่อแบบมีค่าใช้จ่าย ตามลำดับ
 
2. อะไรคือช่องทางการตลาดที่ดีที่สุดที่จะดึงดูดคนรุ่นมิลเลนเนียล?
จริงๆ แล้ว คนรุ่นมิลเลนเนียลมากกว่า 247% มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากบล็อกและโซเชียลมีเดีย ดังนั้นหากพวกเขาคือกลุ่มตลาดเป้าหมายของแบรนด์ นี่ก็เป็นช่องทางที่ดีในการเริ่มต้นทำการสื่อสารและประชาสัมพันธ์

3. 96% ของผู้ใช้งานมือถือจะทำการค้นหาบน Google
ปัจจุบัน Google ถือเป็นผู้นำแห่งการค้นหาบนมือถือและบนเว็บ โดยมีจำนวนกว่า 96% ของปริมาณการค้นหาบนอุปกรณ์มือถือ โดย Yahoo ได้รับ 2% และ Bing ได้รับ 1% ดังนั้นหากแบรนด์ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพเว็ปไซต์สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนควรลงทุนบน Google

4. อะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการดึงดูดลูกค้าใหม่?
ในทำนองเดียวกันกับการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ วิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการดึงดูดลูกค้าใหม่คือการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ตามด้วยการตลาดผ่านอีเมลเป็นอันดับที่สองและสื่อแบบชำระเงินในอันดับที่สาม การตลาดเชิงกิจกรรมและการตลาดผ่านวิดีโอมาอยู่ที่อันดับที่สี่และห้า ในขณะที่การตลาดแบบดิสเพลย์และอินฟลูเอนเซอร์นั้นรั้งท้าย เหตุผลที่การตลาดผ่านอีเมลมีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากเป็นรูปแบบหลักของการสื่อสารที่ธุรกิจใช้ในการดูแลลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และยังใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่ใช้งานที่ยังคง Active ดังนั้นจึงสามารถช่วยพัฒนาอัตราการเยี่ยมชม หรือ Conversion rates ของทุกช่องทางของธุรกิจได้
 
5. สถิติด้านการใช้จ่ายด้านการตลาดของธุรกิจสตาร์ทอัพ
จาก 1,000 ธุรกิจที่ได้ทำการสำรวจ พบว่า 78% ระบุว่าต้องการลงทุนในการตลาดดิจิทัลมากขึ้น และ 73% ต้องการลงทุนมากขึ้นในโซเชียลมีเดีย ตามด้วย 57% วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในการตลาดผ่านอีเมล นอกจากนี้อีก 19% ของธุรกิจระบุว่าพวกเขาจะลดการใช้จ่ายด้านการตลาดแบบเดิมๆ ในขณะที่ 11% กำลังจะลดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดผ่านอีเวนต์ อีก 10% จะลดการทำการตลาดผ่านอีเมล และ 8% กำลังปรับลดการตลาดโซเชียลมีเดีย
6. ช่องทางการตลาดใดที่เหมาะกับธุรกิจสตาร์ทอัพ
จากธุรกิจสตาร์ทอัพ 1,000 แห่ง พบว่า 69.6% ใช้งาน Facebook อย่างจริงจัง โดยการตลาดผ่านอีเมลเป็นอันดับสองอยู่ที่ 64.1% และใช้ไดเร็กเมลถึง 52.4% ตามด้วย Instagram 48.3% และ 47% ใช้ Twitter สำหรับโฆษณาสิ่งพิมพ์มีการใช้งานถึง 45.7% และ 42.8% ใช้ Paid Searches หรือการค้นหาแบบเสียค่าใช้จ่าย
7. ธุรกิจสตาร์ทอัพทำการสื่อสารกับลูกค้าอย่างไร?
วิธีการทั่วไปที่สตาร์ทอัพใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าคืออีเมลที่ 71.8% รองลงมาคือ 60.8% ใช้ Facebook เพื่อติดต่อกับลูกค้า และอันดับที่สาม วิธีเดียวที่สตาร์ทอัพมากกว่า 55.8% ใช้นั้นก็คือโทรศัพท์ ที่น่าสนใจคือ 47.6% ของสตาร์ทอัพยังคงใช้ไดเร็คเมล์เพื่อสื่อสารกับลูกค้า มากกว่าที่พวกเขาทำกับ Instagram ที่ 39.9% และ 39.8% สำหรับ Twitter
8. ช่องทางการตลาดใดที่สตาร์ทอัพมีโอกาสน้อยที่จะใช้?
ช่องทางการตลาดอื่นๆ ที่มักไม่ค่อยถูกใช้โดยบริษัทสตาร์ทอัพ หรือมีเพียง 27.3% เท่านั้นที่ใช้ Snapchat และ 24.5% ใช้ป้ายโฆษณา, 23.6% ใช้โฆษณาบนแพลตฟอร์มอย่าง Spotify ตามด้วยมีเพียง 18.8% ใช้โปรแกรมพอดคาสต์และ 18.5% ที่ใช้โฆษณาพอดคาสต์จริงๆ
9. เป้าหมายทางการตลาดที่โดดเด่นที่สุดสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพคืออะไร?
เมื่อถูกกดดันถามว่าเป้าหมายทางการตลาดใดที่สำคัญที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพในปีที่จะถึงนี้ การหาลูกค้าใหม่จะเป็นคำตอบอันดับต้นๆ การรักษาลูกค้าปัจจุบันที่มีศักยภาพมาเป็นอันดับสอง ตามด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าปรากฏในอันดับสามและการสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีมาเป็นอันดับที่สี่
10. แนวโน้มการลงทุนทางการตลาดปี 2565
บริษัทสตาร์ทอัพใช้เงินไปกับการตลาดแบบดั้งเดิม การตลาดผ่านอีเมล และแคมเปญการตลาดบน Facebook มากที่สุด ตามมาด้วยการตลาดดิจิทัล ไดเร็คเมล์ และการตลาดเนื้อหา แต่ในทางตรงกันข้าม มีธุรกิจจำนวนไม่มากที่ลงทุนในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา หรือ SEO, การตลาดบน Instagram และการตลาดผ่าน SMS รวมไปถึงช่องทางการตลาดโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น Snapchat ที่ยังมีการลงทุนเพียงเล็กน้อยนั่นเอง
ที่มา : https://www.mayple.com