MACO is Thailand

ในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมาพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปเกินกว่าคาดการณ์ไว้ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่างในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ตั้งแต่รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดไปจนถึงวิธีที่ซื้อสินค้ารวมถึงการบริโภคผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเทรนด์การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ทำให้หลายๆ คนต้องปรับตัว อย่างไรก็ตามตลอดช่วงการแพร่ระบาดได้มีการติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และค้นพบข้อมูลที่มีความน่าสนใจจากการสำรวจ โดยได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ชมสื่อนอกบ้านที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งดังนี้

แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังจะเกิดขึ้น และแบรนด์สามารถใช้สื่อนอกบ้านเพื่อมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้อย่างไร?
ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภค รวมไปถึงการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า ซื้ออาหารสดเป็นประจำ จำนวน 26% เลือกอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น และ 30% ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง อย่างไรก็ตามอีก 57% ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ขณะที่ 88% เดินบ่อยขึ้นกว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด ซึ่งนี่เป็นเทรนด์ที่จะดำเนินต่อไปพร้อมกับแบรนด์สินค้าเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบใหม่อีกมากมาย นับเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่จะใช้พลังของ Out of Home media หรือสื่อโฆษณานอกบ้าน เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ดั้งเดิมที่มีอยู่ แสดงให้เห็นถึงการเลือกใช้สื่อนอกบ้าน ทั้งแบบคลาสสิกและแบบดิจิทัลในหลากหลายรูปแบบที่สามารถช่วยให้มั่นใจได้ถึงความอิมแพ็คและสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ได้

ทั้งนี้พฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน แต่โดยรวมแล้วพบว่ามีการซื้อสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการปิดให้บริการสถานที่ต่างๆ เป็นเวลานาน แต่กลับทำให้ผู้บริโภคกลายเป็นนักช็อปที่ใช้จ่ายบ่อยขึ้น โดยพบว่า 36% จับจ่ายซื้อของ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าสื่อโฆษณานอกบ้านที่ตั้งอยู่บนทำเลกลยุทธ์ในตลอดเส้นทางการมาร้านค้านั้นจะถูกพบเห็นได้อย่างบ่อยครั้ง

สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการซื้อของอุปโภคบริโภค หนึ่งในประเด็นหลักที่ได้จากการวิจัยคือความต้องการของผู้บริโภคที่อยากได้ประสบการณ์ในการจับจ่ายซื้อของกับร้านค้าโดยตรง ซึ่งการวิจัยพบว่าการซื้อของขวัญคริสต์มาสออนไลน์นั้นลดลงในปีนี้ โดยเกือบ 40% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าพวกเขาจะไปเยี่ยมชมทั้งที่ศูนย์การค้าและร้านค้าริมถนน และนี่เป็นเครื่องยืนยันอีกครั้งหนึ่งสำหรับผู้ลงโฆษณาในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายตาม Customer Journey ผ่านการใช้สื่อโฆษณานอกบ้านที่มีรูปแบบที่หลากหลายและมีศักยภาพ

ทั้งนี้ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าอำนาจการใช้จ่ายนั้นมีปริมานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกลุ่มตัวอย่างจากผลการวิจัยส่วนใหญ่อ้างว่า พวกเขาประหยัดเงินได้มากกว่าที่เคย แต่พวกเขาก็วางแผนที่จะใช้จ่ายกับสินค้าราคาสูงในอนาคตอันใกล้นี้เช่นกัน

สิ่งที่ถูกคาดหวังในปี 2565 คืออะไร?
กล่าวโดยสรุป ในปี 2565 ประสบการณ์ของนักช้อปนั้นจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยผู้บริโภคจะกลับมาช็อปปิ้งที่ศูนย์การค้าและร้านค้าริมถนนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดโอกาสมากมายสำหรับผู้ลงโฆษณาที่ใช้สื่อโฆษณานอกบ้าน เช่นเดียวกับการจับจ่ายสินค้า ที่ผู้บริโภคจะวางแผนการซื้อมากขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมการใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภคก็จะยังคงดำเนินต่อไป!

และนี่คือพลังแห่งการใช้จ่ายและพฤติกรรมใหม่ๆ ที่ถูกสร้างขึ้น โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคสามารถนำไปปรับใช้ได้ ซึ่งผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่จะช็อปปิ้งบ่อยขึ้น รวมทั้งซื้อสินค้าพรีเมียม และยังใส่ใจกับการดูแลตัวเองมากกว่าเดิม โดยพฤติกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของการจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคประจำสัปดาห์ของพวกเขาในที่สุด