Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

เปิดคัมภีร์นักการตลาดชั่วโมงนี้ต้อง ‘Marketing 4.0’

การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ไทยเลนด์ 4.0 หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value–Based Economy) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ที่จะต้องขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ 1. เปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” 2.เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม และ 3.เปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปสู่การเน้นภาคบริการ ภาคธุรกิจเอกชนต่างๆ ได้วางแนวนโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กร เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลเช่นกัน โดยยุทธศาสตร์หลักที่ต้องกล่าวถึงในปี 2560 คือ “การตลาด 4.0” (Marketing 4.0)

 one to one marketing ตอบโจกย์โดนใจ

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด กล่าวแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เทคโนโลยีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เป็นสิ่งที่นักการตลาดหนีไม่พ้น ดังนั้นนักการตลาดต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งในอนาคตกลยุทธ์การทำตลาดจะเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ภายใต้แนวคิด anywhere anytime anyone

“คนจะเคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่งตามเทคโนโลยีและอินโนเวชันที่เข้ามา ดังนั้นนักการตลาดต้องเดาทางให้ออก และต้องทำกลยุทธ์ให้เข้าทาง โดยกลยุทธ์ที่จะถูกนำมาใช้มากขึ้นคือ one to one marketing หรือการตลาดแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เพราะแต่ละคนจะมีความอยากแตกต่างกัน คนๆเดียวกันแต่เมื่ออยู่ ณ สถานที่หนึ่ง เวลาหนึ่ง ก็มีความต้องการอย่างหนึ่ง เมื่อเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนเวลาความต้องการก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยดังนั้นในทุกมิติต้องสามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้ การทำตลาดจึงต้องเฉพาะเจาะจงมากขึ้น จะไม่ใช่แมส มาร์เก็ตติ้งอีกต่อไป”

 อินติเกรทออนไลน์-ออฟไลน์

น.พ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางและบำรุงผิว กล่าวว่า รูปแบบการตลาด 4.0 นั้นจะเป็นการเชื่อมโยงเครื่องมือทางการตลาดทุกอย่างเข้าด้วยกัน จากออนไลน์สู่ออฟไลน์ จากออฟไลน์สู่ออนไลน์ เนื่องจากบริษัทมีสาขาที่เป็นร้านจำหน่ายที่สามารถจับต้องสินค้าได้ และมีการขายสินค้าผ่านออนไลน์ แต่ยังพบว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้ายังเชื่อมโยงกันระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์

“พฤติกรรมลูกค้าจะอ่านรีวิวเพื่อเลือกสินค้าก่อน แล้วจึงมาเลือกซื้อสินค้าในร้าน หลังจากซื้อไปใช้แล้วชอบก็แชร์สินค้าทางออนไลน์ หรือเขียนรีวิวลงในออนไลน์ ส่วนเมื่อต้องการซื้อซ้ำก็จะสั่งสินค้าทางช่องทางออนไลน์ ขณะที่บริษัทก็มีการใช้บล็อกเกอร์ในการเขียนแนะนำสินค้า การนำเรื่องที่ลูกค้ารีวิวไปแชร์ต่อ ถือเป็นการอินทิเกรตเครื่องมือทุกอย่างเข้าด้วยกัน เมื่อก่อนทำซีอาร์เอ็ม ด้วยการส่งจดหมายทางไปรษณีย์ แต่วันนี้ก็มีการปรับมาใช้การส่งข้อมูลถึงลูกค้าผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆ การจัดกิจกรรมทางออนไลน์มากขึ้น”

ในปีที่ผ่านมายังเน้นการให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการทำตลาด เช่น การที่ลูกค้ารีวิวสินค้าก็จะได้รับคะแนนเพื่อใช้เป็นสิทธิพิเศษในการซื้อสินค้า หรือมาแลกสินค้า โดยในปี 2560 บริษัทยังคงใช้การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยมาร์เก็ตติ้ง 4.0 เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญ เพราะรูปแบบการดำเนินธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้วและได้ผลตอบรับที่ดี จึงยังคงดำเนินการต่อและจะทำให้ลึกและกว้างมากขึ้น

น.พ.สุวิน กล่าวอีกว่า ในปี 2560 จะเห็นผู้ประกอบการทุกรายหันมาใช้การตลาด 4.0 แต่รูปแบบและวิธีการจะแตกต่างกันไปตามกลุ่มลูกค้า ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ผู้ประกอบการที่ใช้การตลาดรูปแบบดังกล่าวจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันนั้นขึ้นอยู่กับ เนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่นำมาใช้ จากอดีตที่เน้นการแข่งขันด้วยโปรดักชัน การทุ่มงบประมาณลงไปในสื่อ ซึ่งเนื้อหาที่นำมาใช้จะต้องตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ทำแล้วลูกค้าเกิดกระแสการพูดต่อ (Talk about) หรือแชร์ต่อหรือไม่

นอกจากนี้ เนื้อหาที่นำมาใช้นั้นตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่ เพราะจะเกิดความคุ้มค่าของเม็ดเงินที่ใช้ในการทำตลาด ซึ่งวิธีการบริหารการทำตลาดจะขึ้นอยู่กับความรู้หรือโนว์ฮาวของแต่ละบริษัท การบริหารงบประมาณไปในสื่อต่างๆ ตามช่วงเวลาที่สำคัญ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความสำเร็จให้กับการทำตลาด 4.0 เพราะเวลาในการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ถือเป็นหัวใจสำคัญเช่นกัน เนื่องจากในบางช่วงเวลาที่มีกระแสอะไรเกิดขึ้น นักการตลาดจะต้องจับเทรนด์ให้ทัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถตามกระแสที่เกิดขึ้นได้ และที่สำคัญจะต้องรู้จักกลุ่มลูกค้าของตนเองอย่างลึกซึ้ง

 ชูเฟซบุ๊กเจาะเพอร์ซันไรซ์ลูกค้า

ด้านดร.โชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผงซักฟอกแบรนด์แอป และป๊อก กล่าวว่า การตลาด 4.0 ที่ใช้ดิจิตอลเป็นเครื่องมือทางการตลาดจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากเฟซบุ๊กของบริษัทมีลูกค้าสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างตลอดเวลา เพราะปัจจุบันคนไทยมีบัญชีเฟซบุ๊กมากถึง 41 ล้านบัญชี และแต่ละวันมีผู้ใช้งานมากถึง 29 ล้านคน ทำให้แบรนด์สินค้ามุ่งที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์โดยตรง

“บริษัทขนาดเล็กจะเน้นการสื่อสารโดยตรงถึงกลุ่มลูกค้าของตนเอง ซึ่งรูปแบบการตลาดในปี 2560 จะเป็น Personalize มากขึ้น เพราะทำตลาดได้ตรงและได้ใจลูกค้ามากที่สุด แต่การตลาดแบบแมสบริษัทรายใหญ่ยังคงใช้อยู่ ซึ่งแบรนด์ขนาดเล็กและกลางจะต้องยึดลูกค้าเดิมไว้ และทำโปรโมชั่นโดยตรงเพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ การตลาดออนไลน์ปี 2560 จะเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการไทยได้เป็นอย่างดี ไม่เฉพาะเฟซบุ๊กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเครื่องมือออนไลน์อื่นๆ ที่มีอยู่ด้วย”

 ปั้นแอพยุพินสร้างรายได้

ขณะที่นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัด จำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ มิสทิน กล่าวว่า ช่องทางออนไลน์จะเป็นหัวหอกสำคัญที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยเฉพาะแอพพลิเคชันยุพิน ที่ได้เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับที่ดีมียอดขายถึง 100 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงบริษัทวางแผนที่จะรุกการทำตลาดอย่างเต็มที่ ด้วยการเพิ่มงบประมาณการทำตลาดขึ้นอีกเท่าตัวเช่นกัน จากปีที่ผ่านมาใช้สัดส่วน 10% ปี 2560 จะใช้ในสัดส่วน 20% ของงบประมาณการตลาด

สำหรับความพร้อมในด้านระบบไอทีต่างๆ บริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ในการลงทุนเปิดศูนย์กระจายสินค้าเบทเตอร์แลนด์รองรับไว้ตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมาแล้ว ในปี 2560 นี้จึงมีระบบไอทีต่างๆ ที่พร้อมสำหรับการทำตลาด อย่างไรก็ตาม นโยบายการพัฒนาประเทศไทยแลนด์ 4.0 นั้น ยังเห็นว่ารัฐบาลจะต้องเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอทีและดิจิตอลให้เรียบร้อย รวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่จะออกมาบังคับใช้ด้วย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกันระหว่างภาครัฐและเอกชน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,223 วันที่ 1 – 4 มกราคม 2560