Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

เทรนด์ผู้บริโภคสำคัญที่นักการตลาดจำเป็นต้องรู้ในปี 2566

เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะมาถึงนั้น จะนำความกังวลทางการเงินอย่างเฉียบพลันมาสู่ผู้บริโภคจำนวนมาก และเป็นผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อ โดย 60% ของผู้บริโภคมองโลกในแง่ร้ายอย่างมากเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจที่ตกต่ำ นอกจากนี้ 50% วางแผนที่จะซื้อแบบหุนหันพลันแล่นน้อยลงในปีนี้ โดยส่วนใหญ่เมื่อซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบ ผู้บริโภค 50% จะทำการค้นคว้าเพิ่มเติม ทั้งนี้ 47% จะรอช่วงลดราคา และ 46% ต้องการสิทธิประโยชน์ 

ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมีการจัดทำการศึกษาประจำปี ซึ่งติดต่อกันเป็นครั้งที่สี่ โดยได้ทำการสำรวจผู้บริโภคทั่วโลกกว่า 6,000 ราย เพื่อค้นหาแนวโน้มและทัศนคติในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ความเป็นส่วนตัว การส่งข้อความ การโฆษณา ความภักดีต่อแบรนด์ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ดัชนีแนวโน้มผู้บริโภคปี 2023 มีไว้เพื่อให้นักการตลาดมีข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อวางแผนและคาดการณ์สำหรับปีข้างหน้าด้วยกลยุทธ์ที่มีรากฐานมาจากการตลาดเชิงสัมพันธ์ - การทำความเข้าใจผู้บริโภคทุกคนในฐานะปัจเจกบุคคล และเชื่อมต่อกับพวกเขาในช่องทางที่เหมาะสมด้วยข้อความที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม.

เมื่อพูดถึงการเพิ่มยอดขาย อีเมลถือเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับแบรนด์ในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคทั่วโลก หรือ 52% ทำการซื้อสินค้าโดยตรงจากอีเมลที่ได้รับในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 4% จากปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการนำ SMS มาใช้เป็นสื่อกลางในการรับข้อเสนอและสิ่งจูงใจเพิ่มขึ้น โดยหนึ่งในสี่ของผู้บริโภค หรือ 25% ซื้อบางอย่างโดยตรงจาก SMS ซึ่งเพิ่มขึ้น 4% ในปี 2565 แน่นอนว่านักการตลาดต้องการกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์ได้จากทุกช่องทาง แต่ในฐานะที่แบรนด์ต่างๆ เป็นเจ้าของฐานข้อมูล ดังนั้นการใช้ อีเมลและ SMS ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกสบายและคุ้มค่าที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้เมื่อพูดถึงการเพิ่มยอดขาย อีเมลมีประสิทธิภาพเหนือกว่าโฆษณาแบนเนอร์ถึง 108%

ความภักดีต่อตราสินค้ากำลังเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจจะซบเซา แต่ผู้พบว่าบริโภคจำนวน 59% ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบ นอกจากนี้พบว่ากว่าสองในสามของผู้บริโภค หรือ 67% ระบุว่าโปรแกรมความภักดีของแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการได้รับความภักดีที่ยั่งยืน โดยมีผู้บริโภคเพียง 7% เท่านั้นที่คิดว่าสิ่งนี้ไม่สำคัญ

โดยการได้รับความภักดีจากลูกค้านั้นพบว่าลูกค้าต้องการมากกว่าแค่ของสมนาคุณหรือรางวัล นักการตลาดควรใช้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่นอกเหนือไปจากการแลกเปลี่ยนทั่วไปและกระตุ้นการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นผ่านความภักดีทางอารมณ์ โดยหัวใจของความภักดีไม่ได้เป็นเพียงราคาที่ถูกที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์ที่ส่งเสริมเรื่องของคอมมิวนิตี้ การรู้จักลูกค้าในฐานะปัจเจกบุคคล และการส่งมอบคำแนะนำส่วนบุคคล โดยผู้บริโภค 43% มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในโปรแกรมสะสมคะแนนในปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้น 8% ตั้งแต่ปี 2565

ที่มา : www.sailthru.com