Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

7 เทรนด์เทคโนโลยีของผู้บริโภคที่ยิ่งใหญ่แห่งปี 2565

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตกำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมและเพิ่มความสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงแพทย์ ทนายความ และสถาปนิก พวกเขาสามารถทำสิ่งใหม่ๆ ที่น่าทึ่งได้ และมันยังทำให้ชีวิตประจำวันของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงความสามารถในการสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัว การดูแลสุขภาพ แต่งเติมบ้านด้วยเครื่องใช้และอุปกรณ์อัจฉริยะ หรือปล่อยให้เราได้พักผ่อนและเพลิดเพลินกับภาพยนตร์ เพลง และเกมที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นผนวกกับวิถีแห่งประสบการณ์
 
The 7 Biggest Consumer Technology Trends In 2022
 
เทคโนโลยีผู้บริโภคเป็นผลิตภัณฑ์และบริการกว้างๆ ที่จะช่วยเราแก้ปัญหาหรือเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา อาจมีขนาดใหญ่และโดดเด่น หรือทันสมัย พกพาสะดวก เช่น โทรศัพท์ นาฬิกา และอุปกรณ์เครื่องเล่นรุ่นใหม่ล่าสุด

และนี่คือภาพรวมของแนวทางบางส่วนที่ Apple, Samsung, Sony และผู้นำตลาดรายอื่นๆ มองหาวิธีที่จะดูดเงินจากกระเป๋าเงินของเราในปี 2565

การเพิ่มขึ้นของหุ่นยนต์
หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยในบ้านมีมาระยะหนึ่งแล้ว เครื่องดูดฝุ่นแบบหุ่นยนต์และอุปกรณ์เอนกประสงค์อื่นๆ ก็พบเห็นได้ทั่วไป แต่ Astra Amazon กำลังนำสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นหุ่นยนต์บ้านเอนกประสงค์ตัวแรกออกสู่ตลาด และหากพวกเขาประสบความสำเร็จ ผู้ผลิตรายอื่นจะต้องทำตามแน่นอน เหมือนตอนที่ Amazon เปิดตัวผู้ช่วย AI ในบ้านด้วย Echo

ความก้าวหน้าของ AI ที่ชาญฉลาดทำให้ทุกอย่างในอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ง่ายขึ้น
ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะรุ่นแรกเป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อจากสมาร์ทโฟน ใช้เพื่อเรียกดูเว็บไปยังทีวี อย่าง YouTube และ Netflix ทุกวันนี้แทนที่จะปล่อยให้เราดูเนื้อหาออนไลน์และเรียกใช้แอพต่างๆ สมาร์ททีวีใช้ AI ที่สามารถปรับภาพและเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และมีอัลกอริธึมการรู้และจดจำภาษาในตัว เพื่อให้เราควบคุมมันได้ด้วยเสียงของเราเอง

VR/AR และอินเทอร์เน็ตแห่งประสาทสัมผัส
การมีส่วนร่วมกับเนื้อหาและบริการดิจิทัลออนไลน์นั้นเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นประสาทสัมผัสในการมองเห็นและการได้ยิน ผู้ผลิตและผู้ให้บริการต่างมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคผ่านการสัมผัส การรับรส และกลิ่น เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้ดื่มด่ำได้อย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง (VR) ซึ่งอุปกรณ์ใหม่นี้จะช่วยให้เราได้กลิ่นและสัมผัสประสบการณ์ นั่นหมายความว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะดูเหมือน ‘ของจริง’ และมีการโต้ตอบกันมากขึ้น

วิดีโอเกม Phasmophobia เป็นเกมเกี่ยวกับการล่าผีด้วยนวัตกรรมที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ผู้เล่นสามารถรู้สึกว่าตัวเองถูกแตะต้องหรือโดนผีสัมผัสที่ตัวหากพวกเขาสวมชุดแบบสัมผัส ทั้งนี้อุปกรณ์ VR และ AR จะแพร่หลายมากในปี 2565 มีรายงานว่า Oculus บริษัทขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี ได้ขายชุดหูฟัง Quest 2 ได้เกือบสองล้านเครื่องในช่วงปี 2564 ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตเนื้อหาจำนวนมากจะได้รับแรงจูงใจให้นำเกมและประสบการณ์มาสู่โลก VR และเรายังสามารถคาดหวังความบันเทิงของผู้บริโภค รวมทั้งภาพยนตร์และเกม เพื่อมอบประสบการณ์เสียงที่สมจริงยิ่งขึ้นอีกด้วย
 
เข้าสู่ Metaverse
ภาพยนตร์เรื่อง Matrix ได้กระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคในโลกเสมือนจริงและความเป็นจริงในดิจิทัลทางเลือก ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะเกิดขึ้นในปี 2565

บริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึง Facebook, Nvidia และ Microsoft ได้วางแผนสำหรับ Metaverse โดยมีเป้าหมายที่ในการสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่สมจริง ซึ่งมอบโลกที่ยั่งยืนสำหรับการทำงาน การเข้าสังคม และการเล่น โดยคาดว่า Epic ผู้พัฒนาเกมอาจมีบทบาทสำคัญในการแสดงให้เราเห็นถึงหนทางข้างหน้านี้

5G และเครือข่ายความเร็วสูง
ความสามารถของ 5G จะกลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่นๆ ในทุกระดับราคา แทนที่จะจำกัดอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม ซึ่งหมายความว่าบริการวิดีโอที่มีแบนด์วิดท์หรือความเร็วในการเชื่อมต่อที่เป็นอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดจะเริ่มให้บริการ รวมถึงการสตรีม 8K เช่นเดียวกับเกมบนคลาวด์และ VR

หมายความว่าอุปกรณ์ต่างๆ จะเล็กลงและเบาลง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้โปรเซสเซอร์และชิปกราฟิกขนาดใหญ่ ด้วยการคำนวณทั้งหมดจากระยะไกล และเอาต์พุตจะสามารถสตรีมไปยังอุปกรณ์ของผู้บริโภคเหลือเพียงฟีดวิดีโอเท่านั้น

บ้านอัจฉริยะและการใช้อินเทอร์เน็ตกับสิ่งของต่างๆ
มีแนวโน้มที่ทุกสิ่งจะมีความชาญฉลาดขึ้นและสามารถสื่อสารเชื่อมต่อซึ่งกันและกันในรูปแบบที่เป็นประโยชน์มากขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโดยเฉลี่ยบ้านจะมีอุปกรณ์อัจฉริยะมากกว่า 500 เครื่อง ในช่วงปี 2565 และในปีนี้น่าจะได้เห็นการเปิดตัว ‘Matter ระบบปฏิบัติการบ้านอัจฉริยะ’ ที่สร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง Apple, Google และ Amazon ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในบ้าน

ปัจจุบันอุปกรณ์จากผู้ผลิตหลายรายมักทำงานโดยใช้โปรโตคอลของตนเอง โดยคาดการณ์ว่าตลาดอุปกรณ์สมาร์ทโฮมจะเติบโตเป็น 53 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565

NFT, blockchain และฝาแฝดดิจิทัล
เมื่อพูดถึงแอปพลิเคชันในเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้มักมีความเกี่ยวข้องกัน พูดง่ายๆ ก็คือ บล็อคเชน (บัญชีแยกประเภทดิจิทัลแบบถาวร กระจาย และเข้ารหัส) NFT (โทเค็นเฉพาะที่สามารถสร้างและจัดเก็บบนบล็อคเชน) และฝาแฝดดิจิทัล (โมเดลดิจิทัลหรือแบบจำลองของผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการในโลกแห่งความเป็นจริง) จะเปลี่ยนวิธีที่เรา โต้ตอบกับเทคโนโลยี

ในปี 2565 เราจะเริ่มเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างมาก แบรนด์สำหรับผู้บริโภค เช่น Sony, Asics และ Coca-Cola ได้ส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ NFT และเราสามารถคาดหวังที่จะเห็นสินค้าและบริการดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อเสริมผลิตภัณฑ์ และทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและจับต้องได้

นี่เป็นผลจากการที่แบรนด์ต่างๆ มองว่าการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีความสำคัญเทียบเท่ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจของพวกเขา เช่นเดียวกับการขายผลิตภัณฑ์นั่นเอง

ที่มา: https://www.forbes.com