Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

เทรนด์ eCommerce 2019 แต่ละอุตสาหกรรม

เจาะลึกกุญแจสำคัญที่น่าจับตามองสำหรับปีนี้ ไม่ว่าคุณจะขายยีนส์ หรือมอยซ์เจอร์ไรเซอร์สูตรใหม่ที่ควรมี หรือ เตียงแสนนุ่มสบายระดับพรีเมี่ยม มาดูกันว่าเทรนด์สำคัญที่ควรรู้ในวงการแฟชั่น ความงาม ของใช้ในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง

เทรนด์ธุรกิจแฟชั่น 2019

1) ค้นหาสิ่งที่เหมาะสม
ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับแบรนด์แฟชั่นในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นเพราะความสัมพันธ์กับผลตอบแทน ผู้ซื้อซ้ำมีเพียง 15% ขณะที่ 40% เป็นการซื้อออนไลน์ เมื่อเทียบกับ 5-10% ของการซื้อในร้านค้า อุตสาหกรรมแฟชั่นมีปัญหาด้านการคืนสินค้ามากโดยมีอัตราผลตอบแทน 30-40% ส่วนใหญ่เป็นเพราะลูกค้าไม่สามารถหาขนาดที่พอดีกับพวกเขาได้เวลาที่ต้องการซื้อ ปัญหานี้กระทบต่อการผลิตแฟชั่น ต้องทำให้ขนาดพอดียิ่งขึ้นไม่ว่ากับลูกค้าใหม่หรือลูกค้าประจำ
เพื่อต่อสู้กับความล้มเหลวในการสวมใส่ แบรนด์ได้หันมาให้ความสนใจกับการสร้างคู่มือขนาดที่ครอบคลุมและปรับขนาดตามผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้พวกเขายังสอบถามไปยังลูกค้าผ่านอีเมลเรื่องขนาดและสัดส่วนที่เหมาะสมตามความต้องการ ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์จะได้รับสินค้าที่มีมูลค่าเหมาะตามความต้องการของแต่ละบุคคลและเข้าใจวิธีการเลือกสรรสินค้าที่พอดีกับกับพวกเขา เช่น ขนาดที่ถูกต้อง เล็กหรือใหญ่ตามสรีระ เป็นต้น

2)  Brick-and-mortar นำเสนอโอกาสใหม่ๆ 
ร้าน brick-and-mortar และร้านป๊อปอัพเป็นมาตรฐานของการพาแบรนด์เข้าหาลูกค้าโดยตรง สร้างความมั่นใจในการสร้างประสบการณ์ผ่านหลายช่องทาง สำหรับแบรนด์ที่มีโปรแกรมสำหรับลูกค้าผู้จงรักภักดีหรือได้รับการแนะนำมา จะทำให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ในการจับจ่ายและแลกเปลี่ยนสิทธิพิเศษกับร้านค้าจริงๆ และร้านค้าในช่องทางออนไลน์ได้
ร้านค้าออนไลน์แบรนด์แรกที่ลงทุนในการสร้างร้าน Standout อย่าง Millennial Favorite Chubbies ได้เรียนรู้ว่าการเติบโตของร้านรูปแบบนี้สามารถสร้างโอกาสใหม่ในการดึงดูดนักช้อปที่มีโอกาสซื้อซ้ำในอนาคตผ่านช่องทางออนไลน์ ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากหน้าร้านจะแมทช์กับเว็บไซต์ที่ยังคงรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง และในที่สุด การลงทุนของร้าน brick-and-mortar ส่งผลให้ลูกค้าได้มีโอกาสในการลองเสื้อผ้าในห้องลองและสั่งซื้อได้อย่างมั่นใจผ่านช่องทางออนไลน์

เทรนด์อุตสาหกรรมความงาม 2019

1) เฉพาะบุคคล
ผลิตภัณฑ์ความงามเป็นของใช้ส่วนบุคคล และลูกค้าต้องการรู้ว่าพวกเขาจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขา ทางที่ดีที่สุดในการสื่อสารออนไลน์คือให้ลูกค้าได้พูดคุยกับกลุ่มคนที่มีความต้องการเหมือนกันได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ 
เพิ่มการสอบถามความต้องการของลูกค้าผ่านทางอีเมลและข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น อายุ ประเภทผิว สิ่งเหล่านี้จะทำให้เหล่านักช้อปแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการรีวิวที่แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ให้ผลอย่างไรกับกลุ่มคนที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ใช้วิธีการนี้ในร้านค้าด้วยเพื่อสร้างประสบการณ์บอกต่อสิ่งที่ต้องการและกังวล ก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าทดลองผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับคุณ

2) สร้างแรงบันดาลใจ และเครือข่าย
นักช้อปด้านความงามและสุขภาพมักมองหาคอนเทนต์ในทันทีเกี่ยวกับวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง สิ่งเหล่านี้จะทำให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ที่จะสร้างเครือข่ายด้วยการผลิตหรือแชร์ VDO tutorials ไม่ว่าจะโดยการทำงานร่วมกับ Influencer หรือสอบถามกับลูกค้า เพื่อส่ง VDO รีวิว สำหรับแบรนด์ความงาน 2019 จะให้คอนเทนต์ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อที่มีความหมายกับลูกค้า

3) Omnichannel
แบรนด์ความงามต้องเข้าใจว่าลูกค้าของพวกเขาคือใครและกำลังมองหาช่องทางใด แบรนด์ที่จะเปิดตัวในปีนี้เป็นแบรนด์ที่มีโซลูชั่นในการรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ ตั้งแต่การซื้อในร้านค้าและออนไลน์จนถึงวิธีการค้นหา รีวิวที่ถูกเขียนขึ้น สถิติการมีส่วนร่วมทางสังคมและอื่นๆ ยิ่งคุณพบลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ใด บริการเนื้อหาและผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเห็นมากเท่าไหร่ มันจะดีกว่าถ้าการเชื่อมต่อสะท้อนถึงแบรนด์ของคุณ

เทรนด์ของใช้ในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า 2019

1) ช้อปปิ้งระยะสั้น
เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกลุ่ม Millennials ต่อสู้กับหนี้การศึกษาในขณะที่กำลังหางานทำไปพร้อมๆกัน ความเป็นเจ้าของบ้านก็เริ่มลดลงและหลายคนยังเช่าบ้านอยู่ ต้นทุนของการซื้อและเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งสูงขึ้น 14% จากปี 2018 ขณะที่ราคาเช่าคิดเป็น 4% เท่านั้น
ผู้เช่ากำลังมองหาสิ่งที่สะดวกสบาย เล็ก และ เฟอร์นิเจอร์แบบแยกส่วน เพื่อรองรับพื้นที่นั่งเล่นขนาดเล็กและการเคลื่อนย้ายบ่อยครั้ง สำหรับสินค้าใช้ในบ้านที่หมายถึงสินค้าที่ออกแบบเพื่อผู้เช่าบ้าน มากกว่าออกแบบมาเพื่อใช้ตลอดไป

2) ช่องทางอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโต
เนื่องจากราคาและขนาดของสินค้าในบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ซื้อจำนวนมากต้องการซื้อด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามปี 2019 ส่งสัญญาณการเติบโตที่สำคัญสำหรับการขายออนไลน์แล้ว ซึ่งหมายความว่าแบรนด์เฟอร์นิเจอร์มีโอกาสที่จะลดสินค้าคงคลังในโชว์รูม เพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทานมากขึ้น
การประหยัดค่าใช้จ่ายในสินค้าคงคลังส่วนเกินจะช่วยให้แบรนด์มีงบประมาณในการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักช้อป เช่น เครื่องมือ VR ที่ช่วยให้ผู้ซื้อเห็นสินค้าในบ้านของพวกเขาภาพ 360 องศา และมีโมดูลที่ช่วยปรับแต่งสินค้าให้เหมาะกับบ้านของพวกเขา

3) การวิจัยการซื้อเชิงลึก
ลูกค้าหมวดสินค้าในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้เวลาพิจารณาและตัดสินใจซื้อมากขึ้น เพราะว่าเฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องใช้ในบ้านมีแนวโน้มที่จะมีราคาแพงและมักจะถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แบรนด์เฟอร์นิเจอร์รายหนึ่งเล่าว่า รอบการซื้อสินค้าของพวกเขานั้นอยู่ที่ประมาณ 80 วัน เพื่อให้ได้ก่อนผู้ซื้อที่ไม่เด็ดขาดและการแข่งขันสูง แบรนด์บ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า รีวิวในเว็บไซต์ของพวกเขามีรายละเอียดที่ง่ายต่อการเรียงลำดับ การรวบรวมข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับผู้ซื้อ (เช่น อายุ เพศ และ ตำแหน่งการนอนสำหรับแบรนด์ที่นอน) พร้อมกับรีวิวเป็นวิธีที่ดีในการให้ลูกค้าได้กรองข้อมูล เพื่อทำการวิจัยได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น นักช้อปอายุ 50 ปี อาจไม่ได้สนใจชุดที่นอนเหมือนคนอายุ 20 ปี แต่ต้องการได้คำแนะนำที่นอนสำหรับคนอายุเดียวกับเขา (แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับอาการปวดเมื่อย)

การรวบรวมข้อมูลพิเศษนี้ยังช่วยให้แบรนด์มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิธีที่กลุ่มลูกค้าแต่ละรายใช้ผลิตภัณฑ์ของตน นอกจากนี้บทรีวิวควรจัดเรียงตามหัวข้อเช่น "ความสะดวกสบาย" หรือ "คุณภาพ" เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย

ที่มา: www.yotpo.com