Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

7 เทรนด์การตลาดที่น่าจับตามองในปี 2566

1. Purpose-Driven Brands Will Win (ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงยังคงเป็นสิ่งจำเป็น)
ในปีที่แล้ว “ผู้คนต่างปรารถนาสิ่งที่ดีกว่าในโลกนี้” และคำกล่าวนี้ก็ยังคงอยู่ เนื่องจากจำนวนบริษัทที่ผ่านการรับรองมีมากกว่า 5,000 แห่งในปีนี้ ความพยายามสำหรับธุรกิจในการมุ่งเน้นไปที่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและมุ่งเน้นผู้คนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นมิลเลนเนียลได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น อันที่จริง 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่มมิลเลนเนียลกล่าวในการสำรวจของ McKinsey & Co. ว่าเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์หรูหรา พวกเขาจะพิจารณาถึงเรื่องของความยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ในการสำรวจล่าสุดโดย Sprout Social ผู้บริโภค 2 ใน 3 เชื่อว่านอกจากเรื่องของความยั่งยืนแล้ว แต่ละบริษัทควรมีจุดยืนในประเด็นทางสังคมและการเมือง ปัจจุบันความไว้วางใจถือว่ามีความสำคัญ และเมื่อลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขามีค่านิยมที่สอดคล้องกับบริษัทก็จะรู้สึกไว้วางใจและมีแนวโน้มที่จะซื้อมากขึ้น 

2. TikTok + Instagram Reels ได้รับความนิยมต่อเนื่อง 
TikTok ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ 1 พันล้านคน และ Instagram Reels กำลังเพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเข้าถึงผู้ใช้ นี่คือสิ่งสำคัญของธุรกิจที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเรียงลำดับความสำคัญแบบต่อเนื่องให้กับวิดีโอขนาดสั้น ซึ่งแม้แต่ Google ก็ตอบรับเทรนด์นี้ด้วยการแสดงวิดีโอขนาดสั้นในผลการค้นหาเช่นกัน

เมื่อผู้บริโภคมองหาแบรนด์และสินค้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนบนแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น การเพิ่มเนื้อหาวิดีโอแบบสั้นจึงเป็นเทรนด์ที่จำเป็นในปี 2023 

3. Reality Sells: อินฟลูเอนเซอร์และเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้ (User-Generated Content = UGC) กำลังเพิ่มขึ้น
อุตสาหกรรมอินฟลูเอนเซอร์ (เป็นที่รู้จักในชื่อ Producer Economy) ได้กลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้บริโภคต้องการเนื้อหาที่น่าเชื่อถือ การเจรจาสัญญาและการเป็นพันธมิตรกับบุคคลในโลกออนไลน์จึงไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดาแต่กลับเป็นเรื่องที่จำเป็นอีกด้วย โดยในปี 2564 แบรนด์ต่างๆ ใช้เงินเกือบ 14 พันล้านดอลลาร์กับอินฟลูเอนเซอร์

จากข้อมูลของ Consumer Acquisition ในปี 2022 เนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้ หรือ UGC มีส่วนร่วมกับเนื้อหาวิดีโอมากกว่า 12 เท่า เมื่อเทียบกับเนื้อหาอื่นๆ ทั้งนี้ยังมีอัตรา Conversion เพิ่มขึ้น 28% เมื่อจับคู่ UGC กับเนื้อหาที่ต้องชำระเงิน และตอนนี้ 77% ของแบรนด์ต่างลงทุนในการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ โดย Influencer Marketing Hub คาดการณ์ว่า Produce Economy จะมีมูลค่าถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และ Instagram คาดว่าจะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ต้องการสำหรับเนื้อหานี้

4. The Metaverse ยังมีอะไรที่ไม่รู้อีกมากมาย แต่บริษัทต่างกำลังกระโดดเข้ามาเล่น
หลายคนยังคงสงสัยและพยายามทำความเข้าใจว่า metaverse คืออะไรกันแน่!? Search Engine Journal กล่าวว่า "เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ต คนในวงการคาดการณ์ว่า metaverse จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกแบรนด์" แบรนด์ใหญ่ๆ เช่น Disney, Nike และ Gucci กำลังสร้างชุมชนดิจิทัลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกเสมือนจริง หรือ Virtual Realities

ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่รู้เกี่ยวกับวิธีที่ Metaverse จะออกสู่ตลาด แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน คือแบรนด์ต่างๆ ควรจะสนับสนุนการใช้จ่าย 4.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ที่ Gen Z และ Millennials จะนำมาให้ 
ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์ ชุมชนและการแสดงตัวตน ไม่ว่าจะเป็นการรวมคำว่า Metaverse ไว้ในเว็บไซต์หรือหน้าผลิตภัณฑ์ การสร้างชุมชนดิจิทัล หรือการมองหาความสามารถในการซื้อด้วย AR และ VR บริษัทต่างมองเห็นโอกาสและเริ่มดำเนินการบนพื้นที่ดิจิทัลแห่งใหม่นี้

5. การตลาดเชิงสนทนา: ลดเวลารอคอยสินค้าและทำให้ลูกค้าของคุณมีความสุข
ผู้คนต้องการให้การตลาดมีการสนทนาและรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของ Influencer และการตลาดแบบ UGC! ซึ่งเป็นมากกว่าเรื่องของสิ่งที่สัมผัสได้โดยตรงถึงความมนุษย์ ผู้บริโภคยังต้องการทุกสิ่งที่รวดเร็ว การตลาดแบบสนทนาจึงเป็นวิธีหนึ่งที่สนองความต้องการได้ทั้งสองอย่าง ด้วยตัวเลือกในการสื่อสารกับแชทบอทหรือมนุษย์จริงซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการให้บริการลูกค้าเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ChatBots ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบโต้ตอบได้ทันที บริษัทแห่งหนึ่งตามข้อมูลของ Drift สามารถลดระยะเวลาการขายจาก 6 เดือน เหลือเพียง 12 วัน 

6. การตลาดเฉพาะบุคคล
Gen Z และ Millennials กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของตลาดในปัจจุบัน พวกเขาเกิดห่างกันถึง 34 ปี มีประชากรรวม กัน 139 ล้านคน คนสองกลุ่มนี้ถือเป็นจุดสนใจหลักสำหรับนักการตลาด อย่างไรก็ตามคนทั้งสองรุ่นกำลังมองหาเรื่องของความถูกต้อง พวกเขาต้องการรู้จักผู้ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์และคาดหวังเรื่องความโปร่งใส

นอกเหนือจากการสร้างความไว้วางใจขั้นพื้นฐานแล้ว ผู้บริโภคเหล่านี้ต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ผ่านข้อมูลที่ผู้บริโภคแชร์กับแบรนด์ บริษัทต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อปรับแต่งโฆษณาและประสบการณ์ของลูกค้า โดย SmarterHQ เล่าว่า “ 90% ของผู้บริโภคบอกว่าพวกเขาเต็มใจที่จะแบ่งปันข้อมูลพฤติกรรมของพวกเขา หากมีการมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ทำให้การซื้อของถูกหรือง่ายขึ้น” ในท้ายที่สุด จะเป็นเส้นแบ่งระหว่างการให้ความช่วยเหลือกับการหลอกล่อผู้บริโภคของแบรนด์ แต่น่าแปลกที่วิธีการทางการตลาดกลับสร้างความแตกต่างอย่างมาก 
การรับข้อเสนอแนะผ่านการแจ้งเตือนทำให้ผู้บริโภครู้สึกไม่สบายใจ เมื่อเทียบกับการส่งข้อความเดียวกันผ่านอีเมลถือว่ามีประโยชน์มากกว่า

แบรนด์จึงจำเป็นต้องหาวิธีมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งในแบบที่ผู้บริโภคยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองแบบส่วนตัว คำแนะนำเฉพาะบุคคล หรือข้อเสนอเฉพาะบุคคล นักช็อป Gen Z และ Millennial ต้องการให้แบรนด์สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

7. ความสำคัญของข้อมูล Zero-Party
ตามที่แชร์เมื่อปีที่แล้ว Google กำลังเลิกใช้คุกกี้และการรวบรวมข้อมูลตาม การเปลี่ยนแปลงควรจบภายในสิ้นปี 2566 บริษัทต่างๆ จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และยังคงสนับสนุนให้ผู้บริโภคเต็มใจแบ่งปันข้อมูลต่อไป ข้อมูลที่ถูกต้องจะมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อการเปลี่ยนแปลงใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะแม่นยำยิ่งกว่าเดิม ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์ทางการตลาดส่วนบุคคลที่ผู้บริโภคกำลังมองหาได้ ทั้งนี้การสร้างความไว้วางใจของผู้บริโภคมีความสำคัญมากกว่าที่เคย เนื่องจากผู้คนจะต้องตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลของตนในแนวใหม่นี้ โดย Forbes กล่าวว่า "เนื่องจากกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมีความเข้มงวดมากกว่าเดิม เมื่อลูกค้าตระหนักถึงความเสี่ยงของข้อมูลบุคคลที่สามมากขึ้น แบรนด์ต่างๆ จะต้องพึ่งพาข้อมูลที่พวกเขาสามารถเชื่อถือได้ และนั่นก็เป็นไปได้เฉพาะกับ zero-party data”

ตามปกติแล้ว ตลาดดิจิทัลไม่ได้ชะลอตัวลง ในพื้นที่ที่มีการแข่งขันอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้วิธีสร้างความไว้วางใจกับผู้บริโภค ผลิตเนื้อหาที่มีส่วนร่วม และรักษาความได้เปรียบเหนือคู่แข่งนั้นเอง

ที่มา : https://annamadill.medium.com