Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

เมื่อบรรจุภัณฑ์ช่วยให้แบรนด์มีสื่อกลางเป็นของตัวเอง


บางครั้งในการทำการตลาดแนวคิดที่มีความเรียบง่ายและหยืดหยุ่นนั้นมีโอกาสที่จะถูกมองข้ามได้ง่าย
 
เนื่องจากประโยชน์ของมันดูเหมือนชัดเจนจนใครๆ ก็เชื่อว่าเป็นความคิดที่จับต้องได้ หรือเป็นความคิดที่ใครๆ ก็สามารถคิดได้
 
หนึ่งในแนวคิดดังกล่าวคือ Connected Packaging ซึ่งมีสาระสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ นั้นมีสื่อกลางเป็นของตนเองได้
 
แนวคิดเรื่องการใช้บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้โดยตรง ไม่เพียงแต่จะเกิดการ Disrupt เท่านั้น แต่ยังทันเวลา ชัดเจน และมีความยั่งยืนอีกด้วย
 
นักโฆษณาต่างกำลังต่อสู้ไปพร้อมๆ กันกับความโกลาหลของพฤติกรรมนักช้อปที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากสถานการณ์การระบาดใหญ่ จากการค้าปลีกโดยตรงสู่ผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและการจัดจำหน่ายในรูปแบบใหม่ๆ
 
การล่มสลายอย่างรวดเร็วของร้านค้าที่มีหน้าร้านจำนวนมาก โดยการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคนั้นนับเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีศักยภาพในการตอบโจทย์ปัญหาได้
 
ส่วนหนึ่งนั้นเป็นไปได้เนื่องจากความนิยมของโทรศัพท์มือถือแพร่หลายในหมู่ผู้บริโภค และอีกส่วนหนึ่งคือ QR Code ที่ก่อนหน้านี้ถูกมองว่าไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานหรือใช้งาน และเพื่อเป็นการเพิ่มความสร้างสรรค์นั้น QR Code สามารถนำเสนอได้ในรูปแบบของ Augmented Reality เพื่อสร้างโอกาสให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
 
อย่างไรก็ตามมีความแปลกใจเกิดขึ้นเล็กน้อยที่นักการตลาดของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก อย่าง Kellogg, Unilever, Nestle และ Coca-Cola ต่างกำลังมองหาวิธีการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของตนเองเช่นกัน พวกเขามองเห็นศักยภาพในการ Disrupt ข้อมูล ครีเอทีฟโฆษณา และการวัดผลเหมือนกัน
 
ทั้งนี้ฝ่ายบริหารมองว่าทั้งสามเรื่องดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างราบรื่นและนำมาใช้โดยไม่มีผลกระทบด้านลบต่อผู้บริโภค ซึ่งในความเป็นจริงเป็นโอกาสที่ยากในการทำการตลาดโดยทำให้บรรจุภัณฑ์นั้นมีชีวิตขึ้นมา
 
การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยไม่กระทบต่อผู้บริโภค
การตัดสินใจของ Google Chrome ที่จะเข้าร่วมกับ Safari และ Firefox ในการทิ้งคุกกี้ของบุคคลที่สามเป็นหนึ่งในหัวข้อที่มีการถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงมากที่สุดของการตลาดเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ได้รับ
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการโฆษณาแบบโปรแกรมได้พูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในเชิงการพยากรณ์ ความกลัวที่จะต้องละเมิด walled gardens (การที่จะให้ผู้ที่ไม่ได้ Login ใช้งานเว็บไซต์) ของแบรนด์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยไม่รบกวนพวกเขา
 
อย่างไรก็ตามบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกันช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยไม่ต้องกังวลใจและทำให้เราหลายคนรู้สึกว่ากำลังถูกติดตามพฤติกรรมของตนบนโลกออนไลน์จากแบรนด์ที่ผู้บริโภคไม่ได้มีความสนใจ ข้อมูลที่มาจาก QR Code บนผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคซื้อหรือหยิบขึ้นมาเพื่อพิจารณาคือคำจำกัดความที่ "บริสุทธิ์" และในการเก็บข้อมูลนั้นยังมีความเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง โดยข้อมูลส่วนบุคคลอันดับแรกจะช่วยให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นทั้งในด้านการซื้อและพฤติกรรมการโต้ตอบของผู้บริโภค
 
ความสร้างสรรค์ของสื่อใหม่และสื่อเก่า
ทั้งเรื่องการออกตั๋ว การทดสอบเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานของสื่อ ทำให้นักการตลาดหลายคนเพลิดเพลินไปกับโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการผสมผสาน QR และ AR เข้าด้วยกัน
 
อาจกล่าวได้ว่าบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคต คือ โปสเตอร์แบบพกพาที่สามารถโต้ตอบได้ ซึ่งคือคุณสมบัติของการโฆษณา ตัวอย่างเช่น Tony the Tiger ที่ปรากฏขึ้นผ่านโทรศัพท์มือถือ เมื่อทำการแสกน QR ของ Frosties box ที่สร้างขึ้นในคอนเซ็ปต์ Experience Is Everything for Kellogg นี่อาจถือเป็นการหวนคืนสู่เทคนิคการส่งเสริมการขายแบบเก่าในการเชิญชวนผู้บริโภคให้อ่านบรรจุภัณฑ์ เพื่อค้นหาว่ามีอะไรอยู่ในกล่องและต้องปฏิบัติอย่างไร แต่นั่นไม่ตรงกับความเป็นจริงในปัจจุบัน โทนี่เคลื่อนไหวในวิดีโอ AR พูดกับเราโดยตรง
 
Connected packaging ยังเปิดโอกาสที่สำคัญสำหรับโฆษณาแบบสปอนเซอร์ใหม่ โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้สึกแปลกต่อการป๊อปอัปดิจิทัลที่ไม่มากเกินไป เพื่อนำเสนอความร่วมมือระหว่างผู้ค้าปลีกและแบรนด์ต่างๆ เพื่อนำสภาพแวดล้อมแบบหน้าร้านมาสู่บ้านผู้บริโภค และช่วยให้ชั้นวางของเองกลายเป็นสื่อกลางได้ ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือดิจิทัลและนี่คือการปฏิวัติจุดขายของให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
 
การวัดผลและความแม่นยำ
หากการรวบรวมข้อมูลสำหรับการกำหนดเป้าหมายโฆษณามีความแม่นยำและราบรื่นมากขึ้น การวัดก็จะง่ายขึ้นและไวต่อการถูกโกงน้อยลงเช่นกัน แนวโน้มที่จะซื้อสามารถวัดได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถวัดผลกระทบที่แท้จริงของการลดราคาและการส่งเสริมการขายได้อย่างเป็นรูปธรรมและเรียลไทม์
 
แน่นอนว่ายังมีปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขนั้นคือ Connected packaging ควรได้รับการควบคุมที่ซับซ้อนมากขึ้นในเรื่องของการเข้าถึงข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค GDPR (General Data Protection Regulation) และศักยภาพในการวัดที่แท้จริงของบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกันเมื่อเชื่อมโยงกับระบบการชำระเงินแบบใหม่อย่างเช่น Amazon Go จะวัดผลอย่างไร และบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกันจะใช้งานได้ดีที่สุดนอกเหนือจากแบรนด์ FMCG ได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการสแกนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในหลายตลาด
 
Connected packaging สามารถปรากฏขึ้นพร้อมกันเพื่อการเกิดใหม่ของทั้งการตลาดแบบดิจิทัลและการส่งเสริมการขาย ไม่ว่าจะเป็นบน ณ จุดขายจริงๆหรือดิจิทัล ซึ่งคือ owned medium ของแบรนด์ ที่อาจเป็นทั้งโปสเตอร์แบบพกพาและโฆษณาสิ่งพิมพ์เชิงโต้ตอบ มันแสดงถึงการกระจัดกระจายอย่างแท้จริง หากคุณชื่นชอบที่แบรนด์เป็นผู้ควบคุมข้อความที่ต้องการสื่อสารผ่านตัวผลิตภัณฑ์เอง
 
และสำหรับนักการตลาดคือเรื่องของความน่าดึงดูดใจและโอกาสในการรวบรวมและวัดผลข้อมูล แต่ความสุขสำหรับผู้บริโภคคือศักยภาพของแบรนด์ในการนำเสนอข้อมูลที่ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับแต่ละบุคคลโดยปราศจากความน่ารำคาญของโฆษณาแบบดิจิทัล ยิ่งนำเสนอโฆษณาที่มีความครีเอทีฟ ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการตอบสนองทางอารมณ์ของผู้บริโภคให้มีมากขึ้น
 
ที่มา : https://www.thedrum.com/