Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

ทำไมแบรนด์แฟชั่นถึงเลือกใช้สื่อนอกบ้าน

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่สื่อนอกบ้าน (OOH) เป็นสื่อโฆษณาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบริษัทต่างๆในอุตสาหกรรมค้าปลีก เนื่องจากมีความสามารถในการมองเห็นได้ชัดเจน ไม่สามารถกดข้ามได้ รูปแบบภาพและข้อความมีขนาดใหญ่ชัดเจน เข้าถึงผู้บริโภคในจุดที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้าน ทุกวันนี้การที่จะรู้ว่าจะซื้อเสื้อผ้าจากที่ไหนหรือจากใครเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีความเป็นไปได้มากมายในการซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้การช็อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ อย่างไรก็ตามวิธีหนึ่งที่เชื่อถือได้และเป็นวิธีชาญฉลาดที่บริษัทค้าปลีกสามารถโดดเด่นท่ามกลางแบรนด์อื่นๆมากมายคือการลงทุนในโฆษณา OOH ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว 

 
จากการศึกษาของ Cuebiq Football Attribution Benchmarks ประจำปี 2562 ที่แสดงให้เห็นว่าสื่อ OOH ช่วยเพิ่มการเข้าชมร้านค้าได้มากกว่าแคมเปญบนมือถือ โดย OOH สามารถเพิ่มยอดเข้าชมร้านค้าได้มากขึ้น 80% ถึง 120% โดยในบทความนี้จะแสดงให้เห็นเหตุผลที่บริษัทค้าปลีกควรลงทุนใน OOH และมีตัวอย่างที่น่าทึ่งของแคมเปญ OOH โดยแบรนด์ค้าปลีกสุดหรูและแบรนด์ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น

การมัดแคมเปญทางโซเชียลมีเดียรวมกับ OOH!
ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาและยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากการเกิดโรคระบาด จึงทำให้สื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คน อีกทั้งยังเป็นช่องทางสำคัญสำหรับแบรนด์ในการเข้าถึงผู้บริโภคอีกด้วย จากข้อมูลของ BigCommerce บริษัทเทคโนโลยี ที่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาแบรนด์ได้ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียในช่องทางต่างๆเพื่อสร้างการรับรู้ อย่างไรก็ตามด้วยการลงทุนเพียงอย่างเดียวในการตลาดแบบใช้ผู้มีอิทธิพล ทำให้แบรนด์แฟชั่นสามารถเข้าถึงผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มเท่านั่นคือผู้ใช้ Instagram และ Facebook ที่ติดตาม influencers เพียงบางราย เมื่อเปรียบเทียบการตลาดรูปแบบนี้กับการเผยแพร่แคมเปญผ่านสื่อโฆษณานอกบ้านที่ซึ่งสามารถเข้าถึงประชากรได้ประมาณกว่า 90% ไม่ว่ากลุ่มประชากรของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงหากแบรนด์ไม่ทำการตลาดผ่านสื่อนอกบ้าน ดังนั้นการโฆษณา OOH จึงเป็นรูปแบบการตลาดที่ดีที่สุดที่สามารถสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ได้ในวงกว้าง แต่ OOH ไม่ควรทำงานเพียงอย่างเดียว จากการศึกษาของ Nielson พบว่าสื่อโฆษณานอกบ้านกระตุ้นให้เกิดการเข้าไปใช้งานบน Facebook เพิ่มขึ้น 10% และอัตราการมีส่วนร่วมนั้นใกล้เคียงกันบน Twitter และ Instagram ซึ่งก่อนที่ผู้บริโภคจะมองไปที่ช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การรับรู้และความตื่นเต้นของพวกเขาจะต้องถูกกระตุ้นโดยโฆษณา OOH ก่อน จะเห็นได้ว่าการรวมสื่อโฆษณาทั้งสองเข้าด้วยกันจะทำให้แบรนด์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้ในครั้งแรกผ่านสื่อโฆษณานอกบ้านและยังคงได้รับความสนใจต่อผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งในปัจจุบันนี้การทำงานร่วมกันของสื่อโฆษณานอกบ้านกับสื่อโซเชียลมีเดียเป็นการผสมผสานที่ดีที่สุดในแง่ของการโฆษณาและควรรวมเข้ากับส่วนผสมทางการตลาดของบริษัทค้าปลีกทุกแห่ง
 

ภาพถือเป็นจุดสำคัญอย่างมากสำหรับการตลาดของอุตสหกรรมค้าปลีก
หนึ่งในวิธีการที่แข็งแกร่งที่สุดของการตลาดแบรนด์เสื้อผ้าคือจินตภาพ กราฟิกที่มีคุณภาพรวมทั้งรูปภาพของเสื้อผ้ารองเท้าและเครื่องประดับถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ในการขายผลิตภัณฑ์ ซึ่งโฆษณา OOH เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตลาดประเภทนี้ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ดูมีชีวิตชีวาและโฆษณาข้างรถบรรทุกสามารถนำเสนอความครีเอทีฟของโฆษณาที่มีความโดดเด่นในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ สามารถดึงดูดและสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้อย่างมาก และนี้ยังรวมถึงการที่โฆษณา OOH เข้าถึงผู้บริโภคในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าสู่ร้านค้านั้นเอง!
 

 
ในส่วนของเทคโนโลยี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้อมูลเรื่องสถานที่ตั้ง สามารถวัดได้ว่าใครบ้างที่สัมผัสกับโฆษณา OOH จำนวนคนที่เห็นและสิ่งที่พวกเขาทำหลังจากที่พวกเขามองเห็นโฆษณา รวมทั้งสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ค้าปลีก นั้นก็คือความจริงที่ว่าเทคโนโลยีประเภทนี้สามารถแสดงข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคและลักษณะทางประชากร ตัวอย่างเช่น ข้อมูลสถานที่ตั้งสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าที่แบรนด์ต้องการนำเสนอส่วนลดหรือโปรโมชั่นเฉพาะได้ นอกจากนี้ยังสามารถบอกได้ว่าผู้บริโภคกำลังทำอะไรและกำลังไปที่ไหนหลังจากออกจากร้าน ข้อมูลที่สำคัญนี้สามารถช่วยผู้ค้าปลีกในการโปรโมตเสื้อผ้ารองเท้าและเครื่องประดับของตนในช่วงเวลาที่กำหนดและในสถานที่เฉพาะเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ที่เห็น และมีส่วนร่วม รวมทั้งหวังว่าจะซื้อสินค้า เพื่อพิสูจน์ประเด็นนั้น ในส่วนของการศึกษาโฆษณา OOH โดย Nielsen รายงานว่าผู้ชม OOH 20% เข้าเยี่ยมชมธุรกิจโดยตรงหลังจากเห็นโฆษณาและ 74% ของผู้เข้าชมเหล่านั้นซื้อสินค้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ดังนั้นการโฆษณา OOH เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ค้าปลีกในการสร้างแรงดึงดูดให้เกิดกับร้านค้า เนื่องจากมีความยืดหยุ่นทางความสร้างสรรค์ มีความน่าดึงดูดและคุ้มค่า ทั้งนี้ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยีในการระบุที่ตั้ง จึงทำให้สื่อโฆษณานอกบ้านนั้นไม่มีใครเทียบได้
และนี้คือตัวอย่างแคมเปญ OOH ที่ดีที่สุด ที่ออกแบบและสร้างสรรค์โดยแบรนด์สุดหรูและแบรนด์ค้าปลีกต่างๆ

ความเฉพาะตัวของแบรนด์สุดหรู
เมื่อพูดถึงแบรนด์แฟชั่นสุดหรู พวกเขามักจะเชื่อมโยงตัวเองกับสถานที่เฉพาะเจาะจง อย่างเช่น Armani และ Milan, Burberry และ London, Tiffany และ New York ด้วยการที่ OOH เป็นสื่ออเนกประสงค์จึงเป็นไปได้ที่แบรนด์เหล่านี้จะวางโฆษณาในใจกลางเมืองที่ต้องการได้ นั่นคือการสร้างโฆษณาตามสถานที่ที่มีประสิทธิภาพ 
 
ย้อนกลับไปในปี 2018 ในช่วงมิลานแฟชั่นวีค Armani ได้สร้างแคมเปญ OOH ทั่วเมือง ซึ่งรวมถึงสนามบิน Milan Linate ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ในการจัดงานแฟชั่นโชว์ ทั้งนี้ Armani ออกแบบแคมเปญด้วยการแรปยานพาหนะหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถประจำทาง รถราง และรถไฟ ซึ่งจะพานักเดินทางรอบเมืองไปยังสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ที่สุดในมิลานและสิ้นสุดที่สนามบิน แคมเปญดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทั้งจากผู้เข้าชมที่เฝ้าดูโฆษณาที่เคลื่อนผ่านไปมารวมทั้งนักเดินทางที่อยู่ในยานพาหนะขนส่งสาธารณะที่ต้องสัมผัสกับความอัศจรรย์และตื่นตาตื่นใจที่พวกเขาถูกเชื่อมโยงกับมิลานและต่อมา Armani 
 
 

ในทำนองเดียวกัน Coach ซึ่งเป็นแบรนด์กระเป๋าถือสุดหรูได้เปลี่ยนประตูผู้โดยสารขาเข้าที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงให้กลายเป็นตู้เสื้อผ้าที่จัดแสดงคอลเลกชันปี 1941 สำหรับวันครบรอบ 75 ปีของแบรนด์ เมื่อก้าวเข้าสู่ทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางไปยังประตูผู้โดยสารขาเข้า ผู้คนที่เดินผ่านไปมาจะได้รับความรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางย้อนเวลากลับไป ในพื้นที่ที่ Coach ได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณกระเป๋าและห้องโถงต้อนรับ ซึ่งไม่เพียงแต่การนำเสนอการแสดงที่ตระการตาเท่านั้น แต่ยังสามารถโต้ตอบได้อีกด้วย ด้วยการใช้เทคโนโลยี Beacon ผู้เข้าชมสามารถถ่ายภาพโฆษณาของ Coach และเขย่าโทรศัพท์เพื่อร่วมลุ้นรับกระเป๋าถือรุ่นซิกเนเจอร์ของ Coach ได้อีกด้วย ซึ่งอินเทอร์แอกทีฟในแคมเปญนี้ไม่เพียงแต่สร้างประสบการณ์ส่วนตัวที่สนุกสนานและน่าสนใจให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้คนและวิธีที่ผู้คนมีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อีกด้วย แคมเปญนี้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Coach ในการเฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์และยังเป็นวิธีที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้บริโภคในการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผลิตภัณฑ์
 
 

เมื่อสองสามปีก่อน Gucci ตัดสินใจสร้างแคมเปญ OOH ที่จะก้าวข้ามขอบเขตของแพลตฟอร์มโฆษณาเพียงแพลตฟอร์มเดียว โดยใช้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “Art Walls” แคมเปญนี้เริ่มขึ้นในปี 2018 เมื่อ Gucci เปิดตัวภาพจิตรกรรมฝาผนังสองภาพ - ภาพแรกในนิวยอร์กและอีกชิ้นที่มิลาน Gucci มอบหมายให้ศิลปินชาวสเปน Ignasi Monreal ออกแบบและสร้างแคมเปญ Spring/Summer ด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ที่มีสีสันสดใสและเป็นเอกลักษณ์มาพร้อมกับข้อความ “คุณมีเวลาสองเดือนในการนำมันไปยังหน้าฟีด Instagram ของคุณ” หลังจากนั้นภาพเหล่านั้นจะถูกลบทิ้ง จากคำพูดของนักเขียนที่มีชื่อว่า Jeff Beer กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโซเชียลมีเดียทำให้เกิดโอกาสในการใช้พื้นที่กลางแจ้งเพื่อดึงดูดซึ่งไม่เพียงแต่ดึงดูดสายตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมด้วย” ในช่วงเวลาที่โซเชียลมีเดียได้รับความนิยมอย่างล้นหลามวิธีที่ดีที่สุดในการมีส่วนร่วมกับสาธารณะและต่อมาสร้างผู้บริโภคที่มีศักยภาพคือการล่อลวงพวกเขาผ่านการโฆษณา OOH แคมเปญ "Art Walls" ประสบความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่เริ่มต้นด้วยเหตุนี้ Gucci จึงได้สร้าง "Art Walls" ต่างๆในช่วงหลายปีต่อมา

ที่มา : https://movia.media/moving-billboard-blog/ooh-advertising-for-fashion-brands-why-and-how/