Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

เทรนด์การตลาดโลกปี 2565 ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

บรรดาผู้บริหารกำลังสร้างสมดุลให้กับตัวชี้วัดความสำเร็จในการบริหารจัดการต้นทุนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้า พนักงาน และสังคม

การสำรวจผู้บริหารทั่วโลก 1,099 คน ผลสำรวจพบว่าหลายท่านได้ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการทำงาน การเร่งความเร็วทางดิจิทัล การมีส่วนร่วมกับลูกค้า และสวัสดิภาพของพนักงานเป็นผลลัพธ์อันดับต้นๆ ที่จะบรรลุเป้าหมายในอีก 12 เดือนข้างหน้า

เมื่อรวมกับข้อมูลเชิงลึกจากผู้บริโภคชาวอินเดีย 500 ราย จึงค้นพบแนวโน้ม 7 ประการที่ปรากฏขึ้นเพื่อช่วยให้นักการตลาดปรับแต่งแนวทางของตน เพื่อสนองความต้องการของผู้คนภายในและภายนอกองค์กร และยังชี้นำแนวทางข้อมูลรวมถึงสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีได้ดีขึ้น รวมทั้งมอบประสบการณ์ที่เป็นองค์รวมมากขึ้นให้กับผู้บริโภค

บทสรุปผู้บริหารมีดังต่อไปนี้
แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงนั้นมีความนำหน้าคู่แข่งที่มีการเติบโตต่ำกว่าในหลายๆ ด้าน รวมถึงการเปิดใช้วัตถุประสงค์แบบองค์รวมมากขึ้น การวัดความหลากหลาย ความเท่าเทียมและรวมถึงความพยายามในการรวม (DEI) ทั่วทั้งองค์กร และการปรับใช้กลยุทธ์ข้อมูลบุคคลที่หนึ่งที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

1. วัตถุประสงค์ สัญญาณของการเติบโต
ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับราคาและคุณภาพในการตัดสินใจซื้อมาเป็นอันดับต้นๆ แต่อย่างไรก็ตามการมองลงไปให้ลึกขึ้นแสดงให้เห็นว่ายังมีเกณฑ์การจัดซื้อตามวัตถุประสงค์อยู่ ซึ่งเป็นเพียงการอภิปรายที่ละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อขจัดสิ่งรบกวนและตอบรับลูกค้าเหล่านี้จึงต้องใช้ความมุ่งมั่นแบบองค์รวมเพื่อตอบสนองจุดประสงค์นั้นๆ และแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงเองก็ทำอย่างนั้นเช่นเดียวกัน
Image
“66% ของแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงมีแนวโน้มที่จะมองเห็นวัตถุประสงค์ ในเรื่องของการเป็นแนวทางสร้างการตัดสินใจของพนักงาน”

2. การตลาดแบบรวมอย่างแท้จริง
กลุ่มประชากรที่มีอายุน้อยและมีความหลากหลายนั้นทำให้เกิดการโฆษณาที่หลากหลาย แต่มันต้องใช้มากกว่าการโฆษณาที่มีความหลากหลายเพื่อเอาชนะใจลูกค้าได้ อาจเป็นการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมอย่างมุ่งมั่นและแท้จริง ซึ่งแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงก็เริ่มนำนางแนวคิดนี้แล้วเช่นกัน
Image
“แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงมีแนวโน้มที่จะมีเป้าหมายในการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมมากกว่าแบรนด์ที่มีการเติบโตในเชิงลบถึง 1.9 เท่า”

3. การสร้างเครื่องมือแห่งการสร้างสรรค์ที่ชาญฉลาด
บุคลากรที่ได้รับการศึกษาระดับวิทยาลัยส่วนใหญ่ย้ายไปทำงานนอกสถานที่ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ นักการตลาดสามารถผสานกลุ่มผู้มีความสามารถใหม่นี้เพื่อเติมเต็มช่องว่างด้านทักษะ นำความคิดที่หลากหลายมากขึ้น และเข้าใกล้พันธมิตรทางธุรกิจในเชิงภูมิศาสตร์มากขึ้น
 
Image

“63% ของพนักงานที่ได้รับการศึกษาระดับวิทยาลัยกำลังทำงานจากระยะไกล”

4. พบปะลูกค้าในโลกที่ไม่มีคุกกี้
บริษัทที่มีการเติบโตสูงไม่เพียงแต่นำหน้าคู่แข่งที่เติบโตต่ำกว่าในการเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์ข้อมูลบุคคลที่หนึ่งเท่านั้น แต่ยังปรับใช้กรณีการใช้งานที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาแบบไดนามิกและสื่อแบบเป็นโปรแกรม
Image
“61% ของแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงกำลังเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์ด้วยข้อมูลบุคคลที่หนึ่ง ในขณะที่มีเพียง 40% ของแบรนด์ที่มีการเติบโตเชิงลบเท่านั้นที่ยังคงดำเนินการแบบเดิม”

5. การออกแบบประสบการณ์ข้อมูลที่เน้นมนุษย์เป็นหลัก
ประสบการณ์ด้านข้อมูลลูกค้าที่ได้รับการยอมรับและเชื่อถือได้มากที่สุดมักจะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของแบรนด์ พวกเขายังไม่ค่อยมีการติดตามในเชิงลึกบางรูปแบบ เช่น คุกกี้ของบุคคลที่สามและการติดตามทางภูมิศาสตร์
Image
“53% ของผู้บริโภคกล่าวว่าการดักฟังผ่านอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้งานนั้นเป็นเรื่องที่น่าขนลุก”

6. ยกระดับประสบการณ์ไฮบริด
ผู้บริหารส่วนใหญ่วางแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในประสบการณ์แบบไฮบริดในปีหน้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการนำเสนอส่วนบุคคล นวัตกรรมที่มากขึ้น และช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อกัน
Image
“กว่า 75% ของเหล่าผู้บริหาร กล่าวว่าพวกเขาจะลงทุนในการสร้างประสบการณ์แบบไฮบริดมากขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า”

7. เติมพลังให้บริการลูกค้าด้วย AI
เมื่อลูกค้าชั่งน้ำหนักถึงทางเลือกในการซื้อ ข้อเสนอที่ทันเวลา และการบริการลูกค้าอย่างมีความรู้จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เมื่อแบรนด์สามารถผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการบริการลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์แบบครบวงจรได้อย่างแท้จริง
Image
“ข้อเสนอที่ทันเวลา คือกลยุทธ์ที่มีประโยชน์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 สำหรับกระตุ้นการซื้อ”

ที่มา : https://www2.deloitte.com