MACO is Thailand

James Stokes (หัวหน้าทีมองค์กร Infobip UK&I) ทำการอภิปรายข้อมูลเชิงลึกล่าสุด จากผลงานวิจัยเกี่ยวกับ Generation Alpha และได้แชร์ว่าแบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวอย่างไร เพื่อให้การสร้างประสบการณ์กับลูกค้าเป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง

Generation Alpha คือเด็กที่เกิดหลังปี 2010 หรืออายุตั้งแต่ 0 ถึง 12 ปี ซึ่งพวกเขาถือเป็นผู้บริโภครุ่นที่ใหญ่ที่สุดในอนาคตและคาดว่าจะมีกำลังซื้อมากที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย

การเติบโตขึ้นมาในยุคที่มีอุปกรณ์อัจฉริยะและข้อมูลความเร็วสูง ทำให้เส้นแบ่งระหว่างประสบการณ์ทางกายภาพและดิจิทัลไม่ชัดเจนมากนัก Gen Alpha จึงถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่อการซื้อของครอบครัว ดังนั้นธุรกิจควรเริ่มให้ความสนใจกับคนรุ่นนี้ เนื่องจากพวกเขาจะมีความคาดหวังสูงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ และแบรนด์ที่พวกเขาเลือก

บทความนี้จะแบ่งปันวิธีที่ธุรกิจต่างๆ สามารถวางตำแหน่งตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับผู้บริโภคในอนาคตในปี 2030 และแนวโน้มปัจจุบันในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อช่วยให้แบรนด์พัฒนาและเติบโตควบคู่ไปกับยุคนี้

Generation Alpha แตกต่างจากพ่อแม่อย่างไร?
Gen Alpha เติบโตขึ้นมาในโลกของเทคโนโลยี ซึ่งการเลี้ยงดูนั้นมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรุ่นของพ่อแม่รวมทั้งรุ่นอื่นๆ โดยพวกเขาถือเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่จมดิ่งสู่โลกดิจิทัลตั้งแต่เกิดด้วยสภาพแวดล้อมที่เติบโตและถูกครอบงำด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จนอาจะทำให้พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรหากไม่มีอุปกรณ์เหล่านั้น

เด็กกลุ่มนี้มีผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก ยกตัวอย่าง พ่อแม่รุ่นมิลเลนเนียลของอัลฟ่าจะทุ่มเงินให้กับของเล่นและเทคโนโลยีเพื่อลูก โดยลงทุนประมาณ  2 พันล้านดอลลาร์ในเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้พวกเขาเป็นรุ่นที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ทั่วโลกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขามีความรู้ในเรื่องของโซเชียล มือถือ และมีความนานาชาติ เนื่องจากทุกสิ่งที่ทำเกี่ยวข้องกับการโต้ตอบผ่านช่องทางดิจิทัลหลากหลายช่องทาง

จากการวิจัยพบว่า Gen Alpha เริ่มใช้อุปกรณ์อัจฉริยะตั้งแต่อายุ 6 ขวบและสามารถใช้แท็บเล็ตได้ก่อนอายุ 4 ขวบ โดย 61% ของเด็กกลุ่มนี้มีแท็บเล็ต และ 49% มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง
 
มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าและพฤติกรรมการซื้อ
อินเทอร์เน็ตนั้นมีอิทธิพลต่อ Gen Alpha และได้ส่งผลกระทบต่อไปยังพฤติกรรมการซื้อของผู้ปกครอง ซึ่งผลวิจัยพบว่า 81% ของพ่อแม่รุ่นมิลเลนเนียลทั่วโลก กล่าวว่า ลูกมีอิทธิพลต่อการซื้อครั้งล่าสุด และในฐานะคนรุ่นใหม่ที่เน้นด้านดิจิทัลและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี สิ่งนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ช่องทางดิจิทัลและโซเชียลมีเดียจะเป็นประตูสู่แรงบันดาลใจและการสื่อสารภายนอก

ในขณะที่คนกลุ่มนี้มีความคาดหวังประสบการณ์ดิจิทัลในแบบรวดเร็ว ทันที ราบรื่น และเป็นส่วนตัว โดยใช้ช่องทางเดียวกันกับที่พวกเขาใช้เพื่อสื่อสารกับปู่ย่าตายายและเพื่อนร่วมชั้น โดยเมื่อโตขึ้นพวกเขาจะเรียกร้องสิ่งเหล่านี้จากธุรกิจมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึง:
สำหรับนิสัยการซื้อสินค้าของกลุ่ม Alphas นั้นมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการซื้อที่เน้นเรื่องของมูลค่า ซึ่งหมายความว่าเพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใสและมีจริยธรรม ธุรกิจต้องพิจารณาทั้งการผลิตและการตลาด โดยคำนึงถึงความหลากหลายของ Gen Alpha ที่มีมากกว่าคนรุ่นก่อน ดังนั้นธุรกิจที่เปิดรับความหลากหลายจึงมีความสำคัญอย่างมาก การเพิกเฉยต่อคนรุ่นนี้หมายถึงการเพิกเฉยต่ออนาคต เนื่องจากพวกเขาจะมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมโลกและสภาพแวดล้อมทางกายภาพต่อไปในอนาคต

เตรียมตัวอย่างไรสำหรับลูกค้าอนาคตในปี 2030
ภายในปี 2030 สมาชิกกลุ่มแรกของ Gen Alpha จะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรงมากขึ้นกับธุรกิจต่างๆ และท้ายที่สุดจะกลายเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจหลักในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตามการมีส่วนร่วมของอัลฟ่าจะไม่เป็นปัญหารุ่นต่อรุ่น แต่เป็นความท้าทายทางเทคโนโลยี ดังนั้นธุรกิจควรมีเครื่องมือและช่องทางที่เหมาะสมในการดึงดูดความสนใจของคนรุ่นนี้เพื่อประสบความสำเร็จในทศวรรษหน้า

เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับลูกค้าอนาคตในปี 2030 ดังนี้: เตรียมพร้อมสร้างความแตกต่าง
สมาชิก Gen Alpha ไม่ได้แตกต่างจาก Millennials หรือ Generation Z อย่างชัดเจน แต่สภาพแวดล้อมจะส่งผลต่อความชอบ แรงบันดาลใจ และมุมมองของพวกเขา ซึ่งเรียกว่ามีความชาญฉลาดเกินวัย มีความลังเล แต่เต็มไปด้วยความหวัง ถึงแม้จะมีการควบคุมจากผู้ปกครอง การจำกัดอายุของโซเชียลมีเดีย และการระบาดใหญ่ทั่วโลก

สำหรับแบรนด์ที่ต้องการก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องยอมรับว่าขณะนี้ถือเป็นโลก Gen Alpha หากแบรนด์สามารถทำได้อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการและพฤติกรรมของ Gen Alpha ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเชื่อมโยงโลกด้วยประสบการณ์จริงที่มีความเฉพาะบุคคลผสมผสานเข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย

ที่มา : https://www.thedrum.com