MACO is Thailand

ข้อบังคับด้านข้อมูลเป็นเรื่องที่ทุกคนกำลังจับตามองในตอนนี้ การบังคับใช้ GDPR มีจำนวนเพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรป ในขณะที่กฏกติกาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของแคลิฟอเนียกำลังจะมีผลกระทบตั้งแต่ปี 2020  จากประเด็นความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคเป็นเรื่องหลักรวมถึงระเบียบของรัฐบาลกลางเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องในอนาคต

เรื่องน่ากังวลเหล่านี้ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ไม่ใช่ทุกบริษัทที่มีบรรทัดฐานการป้องกันข้อมูลที่ดี การเก็บข้อมูลและข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคทวีความรุนแรงขึ้นโดยมุ่งร้ายไปยังกลุ่มนักแสดงเพื่อหาประโยชน์จากข้อมูลและนำไปกระทำความผิด นั่นส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์เชิงลบในการบริหารจัดการข้อมูล เช่น ระบบแจ้งตำแหน่ง  นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความพยายามที่ไม่เพียงพอในการเข้าแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความพยายามเหล่านั้นขึ้นอยู่กับการสำรวจเชิงคุณภาพที่มีการแจ้งรายงานผลด้วยตนเองหรือทำให้ผลคาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

เป็นผลให้นักการตลาดได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และเกิดภาวะห่วงโซ่อุปทานเข้าสู่ทางตัน พวกเขาไม่ทราบว่าข้อมูลที่พวกเขากำลังใช้นั้นมาจากไหน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเกิดความเสี่ยงในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพต่ำทีถูกสร้างขึ้นด้วยข้อมูลที่รวบรวมแบบไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลให้เกิดการเสื่อมเสียชื่อเสียงและทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เหมือนที่หลายคนทราบดีว่าความเป็นส่วนตัวนั้นมีความสำคัญมาก

การไม่ปฏิบัติตามอาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
ผลที่ตามมามันดีมากจนอาจจะยอมเสียค่าปรับ นักการตลาดดิจิทัลมากกว่าครึ่ง (52%) รู้สึกว่าระเบียบของรัฐบาลเพียงแค่ขู่ว่าจะหยุดยั้งไม่ให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากแคมเปญที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลตามการวิจัยจาก IAB เท่านั้น

ปัญหาความเป็นส่วนตัวได้เปลี่ยนเรื่องของความปลอดภัยที่มีต่อแบรนด์ด้วย ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเช่นปัจจุบันนี้ความปลอดภัยเชื่อมโยงกับที่มาของข้อมูลที่สร้างพลังให้แก่แคมเปญ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่โฆษณาทำงาน จนถึงตอนนี้การเรียกร้องให้มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวที่ดีกว่าเดิมยังเป็นแรงจูงใจแก่ผู้ให้บริการข้อมูลโยกงบประมาณไปยังตลาดเอกชนเพื่อปรับโปรแกรมการจัดการและจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการปกป้องข้อมูล แต่วิธีแก้ปัญหาให้ทั้งอุตสาหกรรมนั้น ยังต้องมีการพัฒนาระบบอีกนาน

การรับรองตนเองโดยผู้ให้บริการข้อมูลไม่ใช่คำตอบ ในความเป็นจริงวิธีการนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและทำให้แอพและผู้โฆษณาจำนวนมากเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของแบรนด์ และปัญหาด้านกฎระเบียบ มันยังไม่มีวิธีการที่ปฏิบัติได้จริง

การตั้งค่ามาตรฐานที่มาข้อมูลที่แข็งแกร่ง
ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการข้อมูลรายบุคคลที่พิสูจน์ว่าข้อมูลที่ได้รับแก้ปัญหาได้สอดคล้องกับกฎและข้อบังคับที่เกิดขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์หรือไม่ นั่นคือแนวทางที่ใช้ใน Cuebiq ซึ่งมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะก้าวไปข้างหน้าตามความคาดหวังของอุตสาหกรรมที่ว่าด้วยการปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัว นอกเหนือจากที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดไว้ เพื่อให้ตรงไปตรงมา Cuebiq ยังมุ่งมั่นที่จะตั้งค่ามาตรฐานการจัดเก็บข้อมูลให้สูงขึ้น

Cuebiq Consent Management และ Data Provenance (CMDP) เป็นหัวใจสำคัญของปัญหาและยึดถือกฎระเบียบที่ตั้งขึ้น มีการใช้เทคโนโลยี blockchain เพื่อให้ผู้ใช้ คู่ค้า และลูกค้าสามารถแสดงหลักฐานการยินยอมและแหล่งข้อมูลบน Cuebiq ทั้งหมด

ผู้เข้าร่วมเครือข่ายสามารถขอการตรวจสอบความถูกต้องกับบุคคลที่สามที่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลใดๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่จัดส่งโดย Cuebiq การทำตามสัญญาทำให้มั่นใจได้ว่า Cuebiq จะส่งมอบโซลูชันที่มีข้อมูลจากผู้ใช้เท่านั้นที่สามารถตรวจสอบความยินยอมในบัญชีแยกประเภทได้

โซลูชันที่ใช้ blockchain เป็นผลมาจากความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่าง Cuebiq และ Nasdaq (นักลงทุนใน Cuebiq) เพื่อตรวจสอบการให้ข้อมูลและการปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัว ในขณะที่อนุญาตให้มีการตรวจสอบบุคคลที่สามด้วย “เมื่อเราตัดสินใจลงทุนใน Cuebiq ผ่าน Nasdaq Ventures เราได้รับแรงบันดาลใจจากศักยภาพในการนำโซลูชั่นและบริการที่เสริมสร้างความสมบูรณ์ของตลาดโลกในอุตสาหกรรมใหม่” Scott Shechtman หัวหน้าตลาดใหม่ Nasdaq กล่าว

การได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคจะเป็นมากกว่าแค่การปฏิบัติตามกฎหมาย อุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคและพิสูจน์เรื่องอื้อฉาวที่อาจเกิดขึ้นและข้อบังคับความเป็นส่วนตัวในอนาคต

ที่มา: https://www.adweek.com/