Where we are

MACO is Thailand

leading creative and innovative out of home media solution provider.

7 กลยุทธ์การตลาดผ่านมือถือที่ควรรู้

ในอดีตกว่า 16 ปีก่อนกลยุทธ์การตลาดผ่านมือถือเริ่มมีการขยายตัว แต่หยุดชะงักตามกลยุทธ์การตลาดของสื่อโทรทัศน์และวิทยุ หรือสิ่งพิมพ์ และมีเพียงการส่งข้อความโฆษณาหรือโปรโมชั่นผ่าน SMS เท่านั้น แต่ปัจจุบันการสื่อสารผ่านมือถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอันดับแรกของผู้คน กลยุทธ์การตลาดผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุและสิ่งพิมพ์ถูกลดบทบาทลง แบรนด์เลือกใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านมือถือก่อนช่องทางอื่น เพราะสามารถเชื่อมโยงกับลูกค้าของพวกเขาได้อย่างเฉพาะเจาะจง
ยุคของมือถือ

ทุกวันนี้คอนเทนต์และบริการที่ถูกนำมาสื่อสารบนมือถือมีมหาศาล กูเกิลเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็วว่า “micromoments” ซึ่งมีคีย์สำคัญ 4 อย่างที่แบรนด์ควรจะทำความเข้าใจ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในยุคการสื่อสารผ่านมือถือ 

I-want-to-know เมื่อกลุ่มเป้าหมายใช้งานอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลสินค้า แบรนด์หรือประเภทสินค้า กูเกิลจะเป็นด่านแรกของการค้นหา และนี่คือช่วงเวลาสำคัญที่แบรนด์จะต้องโดดเด่นขึ้นมาให้กลุ่มเป้าหมายค้นเจอสินค้าหรือแบรนด์ของพวกเขา

I-want-to-go สถานที่ที่ลูกค้าต้องการไป เขาจะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริหารในท้องที่นั้น ลองคิดดูว่าถ้าคุณค้นพบว่าไม่ไกลจากที่คุณอยู่มีร้านอาหารที่คุณชอบในเวลาที่คุณ
กำลังต้องการพอดี มันจะดีแค่ไหน

I-want-to-do เวลากลุ่มเป้าหมายเปิด Google หรือ Youtube เพราะต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง เช่น คุณต้องการเปลี่ยนยางรถ แต่ไม่มีใครช่วยคุณได้เลย Youtube ช่วยได้เพราะในนั้นถือเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี 

I-want-to-buy ลูกค้าเลือกที่จะหาข้อมูลสินค้าและบริการที่เขาต้องการผ่าน Google ก่อนที่จะซื้อ

Google ไม่ใช่อินเทอร์เน็ต 

กรอบของ Micromoments มีจุดเริ่มต้นที่ดี มันง่ายที่แบรนด์จะเลือกประยุกต์ใช้งานกับกลยุทธ์การตลาดผ่านมือถือ 4 คีย์สำคัญของพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายที่กล่าวไปข้างต้น ลูกค้าสามารถค้นได้ในฟังก์ชั่นของกูเกิล แต่ลูกค้าก็ต้องมีมือถือที่สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ด้วย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้าผ่านกูเกิล 

I-want-to-know ขณะที่กลุ่มเป้าหมายกำลังค้นหาข้อมูล อีกด้านหนึ่งของการค้นหา พวกเขามักจะสอบถามข้อมูลทางออนไลน์ในสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหาเช่นกัน เช่น influencers ที่มีความเชี่ยวชาญสิ่งที่เขากำลังต้องการ หรือแม้กระทั่งขอคำปรึกษากับคอมมูนิตี้หรือเพจแบรนด์ในเฟสบุค แบรนด์ควรเตรียมตอบคำถามให้กับลูกค้าเพื่อสร้างโอกาสทางการขาย พวกเขาต้องการอะไร? ซื้อได้ที่ไหน? หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไหนบ้าง?

I-want-to-go เมื่อกลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาบางอย่างในพื้นที่ที่เขาอยู่ ณ ขณะนั้น อีกด้านหนึ่งของกูเกิล คือมีคลังข้อมูลประเภทธุรกิจในพื้นที่มากมาย แต่จะทำอย่างไรให้ร้านหรือแบรนด์ของคุณถูกมองเห็นและเข้าถึงได้ง่ายกว่าร้านอื่นๆ

I-want-to-do หลายครั้งที่กลุ่มเป้าหมายมักจะหาทางออกแก้ปัญหาสิ่งที่ทำอยู่ผ่านแอพลิเคชั่น เช่น คุณกำลังหิวข้าว แต่ไม่ต้องการออกไปซื้อเอง ก็มีแอพส่งอาหาร หรือแม้กระทั่งการโอนเงินง่ายขึ้นผ่านแอพลิเคชั่น ซึ่งแบรนด์ต้องหาทางออกให้กลุ่มเป้าหมายให้ได้ สื่อช่องทางไหนที่จะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้ง่ายขึ้น

I-want-to-buy โอกาสที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าและบริการผ่านมือถือมีมากขึ้นปัจจุบัน กูเกิลไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แต่เป็นช่องทางหนึ่งในการพาลูกค้าไปสู่ online marketplaces เช่น Amezon, eBay, Lazada หรือซื้อขายผ่านอินสตาแกรม แบรนด์ต้องพิจารณาว่าช่องทางการซื้อสินค้าของแบรนด์มีครอบคลุมกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ 

3 พฤติกรรมควรรู้ (เพิ่มเติม)
อย่างไรก็ตาม 4 คีย์สำคัญที่กล่าวไปข้างต้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายพฤติกรรมของลูกค้าได้ทั้งหมด มีอีก 3 พฤติกรรมที่แบรนด์ควรรู้ไว้เพิ่มเติมสำหรับการทำกลยุทร์การตลาดผ่านมือถือ


I-want-to-enjoy เมื่อกลุ่มเป้าหมายเสพคอนเทนต์ออนไลน์ผ่านมือถือ จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่พวกเขาฟังเพลย์ลิสเพลงโปรดผ่าน Spotify หรือดู VDO ตลกๆ ของเพื่อนผ่านเฟสบุค คุณควรจะเข้าไปทำความรู้จักคอนเทนต์หรือบริการที่ลูกค้าฟังหรือชมเวลาที่ต้องการผ่อนคลาย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในอนาคต 

I-want-to-connect เวลาที่กลุ่มเป้าหมายติดต่อสื่อสารกับผู้คนหรือติดต่อธุรกิจผ่านสื่อดิจิตอล ก็จะมีบางเวลาที่พวกเขาดู Influencers หรือแชทกับเพื่อนในเฟสบุค สิ่งสำคัญคือแบรนด์ต้องรู้วิธีการที่จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อมต่อกับบุคคลที่อาจมีความชอบเหมือนกันเหล่านั้นได้สะดวกและง่ายขึ้น

I-want-to-share คอนเทนต์ที่น่าสนใจ กลุ่มเป้าหมายมักจะแชร์ให้กับเพื่อนของเขา คอนเทนต์นั้นอาจจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์ ส่งต่อสารที่แบรนด์ต้องการได้ เรียกว่า “Shareable moments” เช่น สวนน้ำแห่งหนึ่งกำลังเป็นที่นิยมและมีแคมเปญแจกของรางวัลให้กับคนที่แชร์กิจกรรมของสวนน้ำมากที่สุด ช่วงเวลานี้นี่เองที่แบรนด์จะเข้ามามีส่วนร่วมในวงกว้างมากขึ้นผ่านการแชร์

ที่มา: www.campaignasia.com